ส.2 สมมติฐาน (Resume)
การสร้างกราฟิกบนบรรจุภัณฑ์ สังขยาข้าวโพด (Steamed Custard Corn ) บรรจุลงขวดแก้ว ที่มีฝาเกลียวอลุมิเนี่ยม สามารถปิดได้สนิทแน่น ไม่มีฟองอากาศเข้า หรือไหลหกออกมาได้เพื่อ ช่วยรักษาคุณภาพ และอายุของสินค้าให้อยู่ได้ยาวนานและแก้วใสเงาสามารถมองเห็นตัวสินค้า ซุปข้าวโพดที่มีความน่ารับประทาน และมีสีเหลืองสวยงาม
แรงบันดาลใจ (Inspiration) มาจากขวดแยมผลไม้ต่างๆ ที่เป็นขวดแก้วใส ปิดฝาเกลียว ที่ สามารถปิด ได้สนิท และดูสวยงามด้วยสีสันของแยมสีต่างๆ นำมาปรับใช้กับ สังขยาข้าวโพดที่มี สีเหลืองนวล สวย น่ารับประทาน และสามารถตกแต่งได้หลากหลาย เพิ่มมูลค่าสินค้าด้วยต้นทุน ไม่สูง ยืดอายุ สินค้าได้นาน เก็บเข้าตู้เย็นสะดวก หรือเมื่อรับประทานไม่หมดก็สามารถปิดฝา เก็บไว้ รับประทานได้นาน แต่หากเป็นกระป๋องเมื่อเปิดฝาแล้ว ก็ต้องรับประทานให้หมดทีเดียว
หรือหากต้องการเพิ่มความสะดวก ก็สามารถเพิ่มช้อนเล็กๆ แต่ที่ช้อนจะต้องบรรจุถุงใส่เพื่อ ความสะอาดของช้อน สำหรับรับประทานได้เลยติดไว้ด้าน ข้างของขวดบรรจุ เพิ่มความรวดเร็ว เพื่อเข้ากับสังคมยุคใหม่ ที่ต้องการความสะดวกสบาย และ เวลา ที่จำกัด ก็สามารถนำติดตัว ไปรับประทานได้ทุกที่
การพัฒนาซุปข้าวโพด ให้เป็น สังขยาข้าวโพด
โดยมีแนวคิดมาจากซุปข้าวโพดกระป๋องทั่วไป ที่มีขายอยู่มากมาย มาพัฒนาให้เป็นสินค้าใหม่ สังขยาข้าวโพดรับประทานกับขนมปังกระโหลก หรือขนมปังปิ้ง ก็ได้ โดยจะบรรจุลงฝนขวดแยม แก้วชนิดใส ฝาเกรียว สามารถปิดฝาเก็บไว้ได้นาน เมื่อรับประทานไม่หมดก็สามารถปิดฝาเก็บ เข้าตู้เย็นได้พอดี สะดวก
การทำสังขยาข้าวโพด
ส่วนผสม
ซุปข้าวโพด 1 กระป๋อง
นมโคสด 1 กล่อง (300มิล.)
ครีมนม 3 ช้อนโต๊ะ
ไข่ไก่ 2 ฟอง
แป้งข้าวโพด 1ช้อนโต๊ะ
น้ำตาล 3 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1 ช้อนชา
เนย 2 ช้อนโต๊ะ
กลิ่นวนิลา ½ ช้อนชา
ขั้นตอนการทำ
1. เทนม ครีมนมและไข่ไก่ลงในหม้อ ตีจนเข้ากันเป็นเนื้อเนียนสวย
2. ใส่ซุปข้าวโพด ตีด้วยกระกร้อมืออีกครั้ง ค่อยๆเทแป้งตามลงไป ใส่น้ำตาล และเกลือ ตีไปเรื่อยๆจนเป็นเนื้อเดียวกัน ให้แป้งข้าวโพดละลายหมดไม่เป็นเม็ด
3. นำส่วนผสมทั้งหมด ไปปั่น ไม่ต้องละเอียดมาก พอมีเนื้อข้าวโพดนิดหน่อย
4. นำหม้อขึ้นตั้งไฟ ใช้ตะกร้อมือคนไปเรื่อยๆ โดยใช้ไฟอ่อน ระวังอย่าให้ไหม้ก้นหม้อ ประมาณ 8 - 10 นาที
5. เมื่อส่วนผสมเข้ากันได้ที่แล้ว ใส่เนยจืดตามลงไป คนไปเรื่อยๆจนเนยละลายหมด ปิดไฟ
6. ใส่กลิ่นวนิลาคนจนเข้ากัน ยกลง เสร็จเรียบร้อย รับประทานกับขนมปัง หรือขนมปังปิ้งก็ได้
สรุปผลการ ทำสังขยาข้าวโพด
จากการนำซุปข้าวโพดมาทำเป็นสังขยา ได้รสชาติที่ หอม อร่อยอยู๋แล้วของซุปข้าวโพดเมื่อ เพิ่ม ไข่ นม และเนย เข้าไป จึงทำให้เข้มข้นและมี รสชาติดียิ่งขึ้น บวกกับกลิ่นวนิลาอ่อนๆมี ผสมลงไป ทำให้มีความเป็นธรรมชาติ น่ารับประทาน ผสมให้มีรสชาติไม่หวานจนเกินไป แล้ว บรรจุลงในขวดดแยมแก้ว เก็บเข้าตู้เย็น ไว้รับประทานได้นาน ไม่ว่าจะทานเป็นอาหารเช้า หรือ รับประทานยามว่าง ก็อร่อยและให้พลังงาน มีประโยชน์อีกด้วย
ปัญหาที่พบ
1. ในซุปข้าวโพด เมล็ดข้าวโพดยังเป็นเม็ดอยู่ เมื่อทำสังขยาออกมา จึงมีเนื้อไม่เนียนสวย จึง แก้่ปัญหาด้วยการ นำส่วนผสมทั้งหมดไปปั่นก่อน แต่ไม่ละเอียดมากนัก เพื่อยังคงเนื้อข้าวโพด ไว้บ้าง เวลารับประทาน
2. เมื่อทำเสร็จเรียบร้อยร้อย สีของสังขยาข้าวโพด มีสีจืด ไม่เป็นสีเหลืองสวย สีค่อนข้างขาว แก้ปัญหาโดยการ ใส่สีผสมอาหาร สีเหลืองลงไปเล็กน้อย จึงได้สีที่พอดีเป็นธรรมชาติ
3. รสชาติของสังขยาข้าวโพด มีรสชาติมัน หวานน้อยเกินไป
4. เมื่อทำเองที่บ้าน ก็สามารถเก็บไว้ได้ เพียง 5-6 วัน เท่านั้น จึงอาจต้องมีการพาสเจอร์ไรส์ (Pasteurization) หรือผสมสารกันเสีย ชนิดโซเดียมเบนโซเอท (Sodium Benzoate)ที่ใช้ผสม
ในแยม หรือผลไม้กวน เนื่องจากหาซื้อไม่ได้ และอาจมีอันตราย จึงไม่ได้ใส่เข้าไป
Mapping Mood Board